วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2553

ถ้านี่คือโลกมนุษย์แล้ว สวรรค์จะสวยแค่ไหน‏




กินให้เป็น โลกเย็นแน่ !

อาหารเป็นหนึ่งในปัจจัยของการดำรงชีวิตของมนุษย์ ดังนั้นเราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าอาหารเป็นสิ่งที่สำคัญต่อคนเรา
โดยปกติแล้วคนเรากินอาหารทุกวัน ซึ่งถ้าเรารู้วิธีที่จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้โดยการเลือกซื้ออาหารในแบบที่ถูกต้องแล้ว ก็น่าจะช่วยโลกได้พอสมควรเลยทีเดียว
กินอย่างไรช่วยลดภาวะโลกร้อน...กินอย่างไร? วันนี้ผมมีวิธีการเลือกอาหารการกินแบบที่สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้มาฝากกันค่ะการช่วยลดภาวะโลกร้อนไม่ได้ยากอย่างที่คิดเลย แม้กระทั่งการเลือกซื้ออาหารที่ถูกต้องเหมาะสม ก็สามารถช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่าเลือกกิน เลือกซื้อ อาหารอย่างไรถึงจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้
ซื้อของสดที่ตลาดใกล้บ้าน
ถ้าใกล้ๆ บ้านของคุณมีตลาดสดอยู่ ก็ควรที่จะซื้ออาหารหรือของสดมาทำกับข้าวจากตลาดสดเลย เพราะว่าถ้าเทียบกับการซื้อกับข้าวหรือของสดที่ซูเปอร์มาร์เก็ตภายในห้างสรรพสินค้า ที่มีการใช้แพ็กเกจจิงอย่างฟุ่มเฟือย ทั้งถาดโฟม ห่อพลาสติก กล่องกระดาษ แล้วนั้น การซื้อของจากตลาดสดจะมีผลดีต่อโลกมากกว่า แล้วก็อย่าลืมเอาถุงผ้าหรือตะกร้าของเราไปจ่ายตลาดด้วยนะครับ เพราะการไม่ใช้ถุงพลาสติกจะช่วยลดขยะลงได้ถึง 10% ส่งผลให้สามารถช่วยลดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศได้ถึง 1,200 ปอนด์ นอกจากนั้นยังพบว่าในการผลิตถุงพลาสติก 1 หมื่นล้านถุง ต้องใช้ต้นไม้ถึง 14 ล้านต้น ทำให้เราสูญเสียตัวดูดซับก๊าซเรือนกระจกที่ดีไปไม่น้อยอีกด้วย
แวะซื้อหลังเลิกงานหรือไปธุระ ถ้าทางผ่านไปบ้านของคุณมีตลาดสด หรือร้านขายกับข้าวก็ควรจะแวะซื้อไปเลย จะได้ไม่เปลืองค่าน้ำมันรถ แล้วยิ่งตอนนี้น้ำมันแพง นอกจากจะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว ยังจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของเราไปอีกทางหนึ่งด้วย กินผักผลไม้ตามฤดูกาลที่ปลูกภายในประเทศ ในกรณีนี้ยิ่งถ้าเป็นผักปลอดสารพิษนั้นยิ่งน่าอุดหนุน เพราะการใช้ยาฆ่าแมลง นอกจากจะทำให้เกิดสารพิษทำร้ายโลกแล้ว ยังจะเป็นอันตรายต่อเราอีกด้วย การเลือกซื้อผลไม้ที่ปลูกในประเทศเรานั้น นอกจากจะช่วยสนับสนุนผลิตผลของเกษตรกรไทยแล้ว ยังจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งข้ามประเทศ ลดพลังงานจากการที่ต้องแช่แข็ง แถมเรายังได้กินของที่สดกว่าอีกด้วยลดการกินอาหารแช่แข็ง อาหารแช่แข็งเป็นอาหารที่แทบจะใช้พลังงานสิ้นเปลืองในทุกขั้นตอน (อาหารแช่แข็งใช้พลังงานในการผลิตสูงถึง 10 เท่าของอาหารทั่วไป) ไม่ว่าจะเป็นกล่องพลาสติกที่ใส่ การขนส่ง แล้วยังจะต้องแช่เย็นไว้ตลอดเวลา เวลาจะกินยังต้องใช้ไมโครเวฟอุ่นอีก ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควรจะกินอาหารแช่แข็ง
ลดกินเนื้อวัว อุตสาหกรรมเนื้อวัวนั้นสร้างก๊าซเรือนกระจกสูง ไม่ว่าจะเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทน ที่ออกมาจากมูลและการเรอของวัว ผู้เชี่ยวชาญเขาแนะนำว่าเราควรจะบริโภคเนื้อและแฮมเบอร์เกอร์ให้น้อยลง หากการบริโภคเนื้อแดงลดลง 10% สามารถลดปริมาณการผลิตก๊าซจากวัว แพะ และแกะได้ครับ อีกอย่างกินเนื้อน้อยลงจะช่วยลดปริมาณการผลิตเนื้อ ก็คือลดการใช้เชื้อเพลิงนั่นเอง กินมังสวิรัติกันเถอะ การหันมากินผักแทนเนื้อสัตว์ เพื่อให้ลดการเลี้ยงสัตว์ลงจึงเป็นทางออกสำคัญที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ ซึ่งอาหารมังสวิรัติจะช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 3,000 ปอนด์ต่อคนต่อปี การกินมังสวิรัติเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อนที่ถูกต้อง ควรเลือกกินผักผลไม้ตามฤดูกาลที่มีอยู่ในท้องถิ่น ส่งเสริมผักผลไม้ที่ใช้วิธีการปลูกตามวิถีพื้นบ้าน ไม่มีการใช้สารเคมี และไม่มีการตัดต่อพันธุกรรม การกินผักผลไม้ในท้องถิ่น จะช่วยลดการคมนาคมขนส่งสินค้าจากแดนไกล นอกจากนี้การหันมากินอาหารมังสวิรัติยังเป็นการส่งเสริมให้มีการปลูกพืชผักมากขึ้น พืชผักและต้นไม้เป็นตัวดูดจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีอยู่ในอากาศ เพื่อใช้ในกระบวนการสังเคราะห์แสง ดังนั้นการเพิ่มพื้นที่ทางการเกษตร หรือแม้แต่การปลูกพืชผักสวนครัวก็มีส่วนช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ ข้อดีอีกประการของการหันมากินพืชผัก คือสามารถจัดการกับขยะที่เกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
หากคุณผู้อ่านทั้งหลายสามารถทำแบบนี้ได้ทั้งหมด แค่นี้ก็จะช่วยลดภาวะโลกร้อนได้แล้ว...ไม่ยากเลยใช่ไหมค่ะ

กินอย่างไรช่วยลดภาวะโลกร้อน


กินอย่างไรช่วยลดโลกร้อน
ในบรรดากิจกรรมต่างๆ อาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนประการหนึ่งเพราะอาหารเป็นสิ่งจำเป็นต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด เราจำเป็นต้องกินอาหารวันละ 3 มื้อและอาหารแต่ละชนิดมีองค์ประกอบที่ต่างกันไป แต่องค์ประกอบหลักคือพืชและสัตว์ เพราะการปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ใช้น้ำและพื้นที่มากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ซ้ำแล้วสัตว์ยังปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่า1 ใน 5 ของคนที่ปลดปล่อยออกมาบนโลกโดยเฉพาะ แกะ ในส่วนของคนนั้นก๊าซที่ปล่อยออกมาก็จากการกินอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ ซึ่งอาจส่งผลกระทบมากกว่าการขับรถเสียอีก กระทั่งอาหารหลายชนิดมีการขนส่งที่ซับซ้อนจึงต้องใช้พลังงานสิ้นเปลือง
ปัจจุบันสถาบันสุขภาพจะติดตั้งโปรแกรมคำนวณแคลอรี่เพื่อใช้กับคนที่มีปัญหา
น้ำหนักตัว แต่หากเรามีโปรแกรมนี้ติดตั้งทุกบ้านก็จะสามารถช่วยลดโลกร้อนได้เพื่อคำนวณแคลอรี่ของอาหารและได้อาหารที่เพียงพอต่อความต้องการ หากมีอาหารที่เหลือก็จะก่อให้เกิดปัญหาขยะตามมาเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่าประโยชน์ และการใช้เทคโนโลยีในการช่วย
ลิสต์รายการอาหารก่อนออกไปซื้อก็สามารถช่วยลดปัญหาโลกร้อนได้ เพราะไม่ต้องขับรถไปซื้อหลายรอบ หากใช้กระดาษก็สิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติ และเทคโนโลยีมักสะดวกในการพกพาเสมอ การตรวจรายการสิ่ของที่ต้องซื้อจะทำให้ได้ของที่ต้องการมากที่สุด
มนุษย์มักคิดว่าเทคโนโลยีเป็นสิ่งที่ก่อปัญหาภาวะโลกร้อนเพราะเรามองเพียงว่าเป็นสิ่งที่ต้องใช้พลังงานในการทำงาน แต่นั่นเป็นเพราะเราไม่รู้จักเลือกใช้ให้เหมาะกับกิจกรรมต่างๆ
ดังนั้นจากข้อมูลข้างต้นเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าหากเรารู้จักเลือกใช้เทคโนโลยี เทคโนโลยี
ก็สามารถช่วยลดปัญหาโลกร้อนและราคาน้ำมันแพง ได้จริง!

วันพุธที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2553

MV ปันรักให้โลก

4 รักษ์

รักษ์น้ำ




อาบน้ำด้วยฝักบัว
อาบน้ำด้วยฝักบัว ประหยัดกว่าตักอาบหรือใช้อ่างอาบน้ำถึงครึ่งหนึ่งในเวลาเพียง 10 นาที ปิดน้ำขณะแปรงฟัน ประหยัดน้ำเดือนละ 151 ลิตร

ลดการใช้ถุงพลาสติก ช่วยลดภาวะโลกร้อน
หันมาใช้ถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติก เพราะการเผากำจัดถุงพลาสติกในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ

แยกขยะอินทรีย์
การแยกขยะอินทรีย์ ออกจากขยะอื่นๆ เช่น เศษผัก เศษอาหาร เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ

สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle
ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด

วิธีรักษ์น้ำที่ง่ายที่สุด คือ ช่วยกันลดการใช้น้ำคนละ 1 แก้ว/วัน
วิธีรักษ์น้ำที่ง่ายที่สุด คือ ช่วยกันลดการใช้น้ำคนละ 1 แก้ว/วัน แค่นี้ประเทศไทยก็จะสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 30,000 ตัน/วันแล้วครับ/ค่ะ


การอาบน้ำด้วยฝักบัว จะสิ้นเปลืองน้ำน้อยที่สุด
รูฝักบัวยิ่งเล็ก ยิ่งประหยัดน้ำ ปิดฝักบัวในขณะที่ถูสบู่จะใช้น้ำเพียง 30 ลิตร หากไม่ปิดจะใช้น้ำถึง 90 ลิตร และหากใช้อ่างอาบน้ำจะใช้น้ำถึง 110-200 ลิตร


ก๊อกน้ำมีอัตราการไหลของน้ำเฉลี่ย 9 ลิตรต่อ 1 นาที
ก๊อกน้ำมีอัตราการไหลของน้ำเฉลี่ย 9 ลิตรต่อ 1 นาที ถ้าเราแปรงฟันคนละ 3 นาที และเปิดน้ำทิ้งไว้ จะใช้น้ำถึง 27 ลิตร ช่วยกันปิดก๊อกน้ำขณะแปรงฟันกันนะค่ะ/ครับ


การเปิดก๊อกน้ำทิ้งขณะล้างจาน เราอาจเสียน้ำมากถึง 130 ลิตร
การเปิดก๊อกน้ำทิ้งขณะล้างจาน เราอาจเสียน้ำมากถึง 130 ลิตร แค่เราปิดก๊อกน้ำขณะล้างจาน ก็ช่วยโลกเราได้แล้วครับ/ค่ะ


ควรใช้ฝักบัวรดน้ำต้นไม้แทนการใช้ สายยางต่อจากก๊อกน้ำโดยตรง
การรดน้ำต้นไม้ ควรใช้ฝักบัวรดน้ำต้นไม้แทนการใช้ สายยางต่อจากก๊อกน้ำโดยตรง หากเป็นพื้นที่บริเวณกว้าง ก็ควรใช้ สปริงเกลอร์ หรือใช้น้ำที่เหลือจากกิจกรรมอื่นมารดต้นไม้ ก็จะช่วยประหยัดน้ำลงได้ และไม่ควรรดน้ำต้นไม้ตอนแดดร้อนจัด เพราะน้ำจะระเหยหมดไปเปล่าๆ ให้รดตอนเช้าที่อากาศ ยังเย็นอยู่ การระเหยจะต่ำกว่า ช่วยให้ประหยัดน้ำ


การล้างผักผลไม้ควร ใช้ภาชนะรองน้ำเท่าที่จำเป็น
ควรล้างพืชผักและผลไม้ในอ่างหรือภาชนะที่มีการกักเก็บน้ำไว้เพียงพอ เพราะการล้างด้วยน้ำที่ไหลจากก๊อกน้ำโดยตรง จะใช้น้ำมากกว่า การล้างด้วยน้ำที่บรรจุไว้ในภาชนะถึงร้อยละ 50

รักษ์ต้นไม้




ปลูกต้นไม้ในห้องช่วยลดมลพิษ
ปลูกต้นไม้ในห้อง โดยปลูกไม้กระถางผสมถ่านกับดิน ถ่านจะเป็นตัวช่วยดูดซับสารมลพิษและจุลินทรีย์ภายในห้องได้


ลดการใช้ถุงพลาสติก ช่วยลดภาวะโลกร้อน
หันมาใช้ถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติก เพราะการเผากำจัดถุงพลาสติกในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ


แยกขยะอินทรีย์
การแยกขยะอินทรีย์ ออกจากขยะอื่นๆ เช่น เศษผัก เศษอาหาร เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ


สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle
ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด


ขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์ 1 คัน


ใช้บริการรถสาธาณะ
การขับรถยนต์น้อยลง นอกจากช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์


ร่มรื่นในบ้าน
การปลูกต้นไม้ที่สามารถให้ร่มเงาได้ ไว้ทางทิศตะวันตกและทิศตะวันออกของบ้าน ร่มเงาของต้นไม้ก็จะช่วยบังแสงอาทิตย์ ที่ส่งมาสร้างความร้อนให้กับตัวบ้านได้ทั้งวัน จึงสามารถลดการใช้เครื่องปรับอากาศในบ้านลง ผลที่ตามมาคือค่าไฟที่ลดลงถึง 20% ต่อปี


กระดาษคือต้นไม้
กระดาษ 1 ตัน แปรรูปมาจากต้นไม้อย่างต่ำถึง 17 ต้น เราจึงต้องใช้กระดาษอย่างคุ้มค่าที่สุดโดยการใช้ให้ครบทั้ง 2 หน้า


ปลูกต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน
ปลูกต้นไม้ใหญ่ 1 ต้น ให้ความเย็นเท่ากับเครื่องปรับอากาศ 1 ตัน ที่ให้ความเย็น ประมาณ 12,000 บีทียู แค่ปลูกต้นไม้ 1 ต้น ก็ถือว่าเราได้ช่วยกันรักษ์โลก รักษ์ชีวิต แล้วครับ/ค่ะ


คนรุ่นใหม่อย่างพวกเรานำเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษ์โลก รักษ์ชีวิตได้
คนรุ่นใหม่อย่างพวกเรานำเทคโนโลยีมาช่วยในการรักษ์โลก รักษ์ชีวิตได้ ด้วยการส่งข้อมูลข่าวสาร ผ่านระบบคอมพิวเตอร์ เช่น อีเมลล์ นี่เป็นวิธีการช่วยลดการใช้กระดาษได้ง่ายๆ ครับ/ค่ะ

รักษ์อากาศ




หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เยอะ
หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เยอะ เพียงแค่ลดขยะของคุณเอง 10 % จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 545 กิโลกรัมต่อปี


พกถุงผ้าไปช็อปปิ้ง ลดถุงพลาสติกได้มากกว่าหลายแสนล้านใบ
พกถุงผ้าไปช็อปปิ้ง แทนการใช้ถุงพลาสติก แต่ละปีทั่วโลกทิ้งถุงพลาสติกจากซูเปอร์มาร์เก็ตหลายแสนล้านใบ อย่าลืมว่า การลดขยะเท่ากับลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์


ปลูกต้นไม้ในห้องช่วยลดมลพิษ
ปลูกต้นไม้ในห้อง โดยปลูกไม้กระถางผสมถ่านกับดิน ถ่านจะเป็นตัวช่วยดูดซับสารมลพิษและจุลินทรีย์ภายในห้องได้


ลดการใช้ถุงพลาสติก ช่วยลดภาวะโลกร้อน
หันมาใช้ถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติก เพราะการเผากำจัดถุงพลาสติกในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ


แยกขยะอินทรีย์
การแยกขยะอินทรีย์ ออกจากขยะอื่นๆ เช่น เศษผัก เศษอาหาร เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ


สร้างนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle
ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์ทรัพยากรอย่างเต็มที่ เป็นการลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการกำจัด


ขับรถช้าๆ ก็ช่วยรักษ์โลก รักษ์ชีวิตได้
การขับรถด้วยความเร็วไม่เกิน 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วยลดการใช้น้ำมันลงได้ 20% หรือคิดเป็นปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ลดได้ 1 ตันต่อรถยนต์ 1 คัน เห็นไหมครับว่าขับรถช้าๆ ก็ช่วยรักษ์โลก รักษ์ชีวิตได้ครับ / ค่ะ


หันมาใช้บริการรถสาธารณะกันดีกว่า
การขับรถยนต์น้อยลงนอกจากช่วยประหยัดน้ำมันแล้ว ยังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ อากาศได้อีกด้วย ทางที่ดีหันมาใช้บริการรถสาธารณะดีกว่าครับ/ค่ะ


ใช้ถุงผ้าแทนถุงพลาสติกเพื่อช่วยลดปริมาณการเผาขยะ
การเผากำจัดถุงพลาสติกในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ทางที่ดีหันมาใช้ถุงผ้ากันดีกว่าครับ/ค่ะ (โชว์ถุงผ้า 7 สีปันรักให้โลก)


ใช้นโยบาย 3Rs เพื่อช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
การนำนโยบาย 3Rs- Reduce, Reuse, Recycle มาใช้ทั้งในบ้านและอาคารสำนักงาน เพื่อให้เกิดการใช้ประโยชน์การใช้ทรัพยากรอย่างเต็มที่ ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาขยะ ในกระบวนการกำจัดขยะได้ครับ/ค่ะ

รักษ์พลังงาน




ใช้หลอดไฟตะเกียบ ประหยัดกว่าหลอดธรรมดา 4 เท่า
ใช้หลอดไฟตะเกียบ ประหยัดกว่าหลอดธรรมดา 4 เท่า ใช้งานนานกว่า 8 เท่า แต่ละหลอดช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4,500 กิโลกรัม หลอดไฟธรรมดาเปลียนพลังงานน้อยกว่า 10% ไปเป็นแสงไฟ ส่วนที่เหลือถูกเปลี่ยนไปเป็นความร้อน เท่ากับสูญพลังงานเปล่าๆ มากกว่า 90%


เช็คลมยาง ช่วยประหยัดน้ำมันได้
เช็คลมยาง ให้แน่ใจว่ายางรถสูบลมแน่นการ ขับรถโดยที่ยางมีลมน้อย อาจทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นได้ถึง 3% จากปกติ น้ำมันทุกๆ แกลลอนที่ประหยัดได้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 9 กิโลกรัม ยางที่สูบลมไม่พอจะใช้น้ำมันได้ในระยะทางสั้นลง 5%


ใช้แล็บท็อปจอแบน ประหยัดไฟมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะถึง 5 เท่า
ใช้แล็บท็อปจอแบน ประหยัดไฟมากกว่าคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะถึง 5 เท่า จำไว้ สกรีน เซฟเวอร์ และหมวดสแตนบายด์ไม่ได้ช่วยประหยัดไฟ พลังงานที่เสียไปเท่ากับซื้อคอมพิวเตอร์ใหม่ได้ 1 เครื่อง และพริ้นเตอร์เลเซอร์ประหยัดพลังงานมากกว่าอิงค์เจ็ท


เปิดแอร์ที่ 25 องศา
เปิดแอร์ที่ 25 องศา อุณหภูมิต่ำกว่านี้ใช้พลังงานเพิ่มขึ้น 5 - 10 %


ใช้ตู้เย็นแบบ 2 ประตู ช่วยประหยัดไฟ
ใช้ตู้เย็นแบบ 2 ประตู ขนาดความจุ 400 ลิตร ตั้งอุณหภูมิที่ 3-5 องศา และ -17 ถึง -15 องศาในช่องแช่แข็ง มีประสิทธิภาพในการประหยัดไฟมากที่สุด


ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า
ถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้า เพราะยังคงกินพลังงานมากแม้จะปิดแล้ว ดังนั้นควรถอดปลั๊กโทรทัศน์ สเตอริโอ คอมพิวเตอร์ ไมโครเวฟ ฯลฯ เมื่อไม่ใช้ หรือเสียบปลั๊กเข้ากับแผงเสียบปลั๊กที่คอยปิดสวิชท์ไว้เสมอเมื่อไม่ใช้ และควรถอดปลั๊กที่ชาร์จโทรศัพท์มือถือและ MP3 เมื่อไฟเต็มแล้ว


ใช้หลอดไฟตะเกียบ
ใช้หลอดไฟตะเกียบ ประหยัดกว่าหลอดธรรมดา 4 เท่า ใช้งานนานกว่า 8 เท่า แต่ละหลอดช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 4,500 กิโลกรัม หลอดไฟธรรมดาเปลียนพลังงานน้อยกว่า 10% ไปเป็นแสงไฟ ส่วนที่เหลือถูกเปลี่ยนไปเป็นความร้อน เท่ากับสูญพลังงานเปล่าๆ มากกว่า 90%


ใช้น้ำร้อนให้น้อยลง
ใช้น้ำร้อนให้น้อยลง การทำน้ำร้อนใช้พลังงานในการต้มสูงมาก การปรับเครื่องทำน้ำอุ่น ให้มีอุณหภูมิและแรงน้ำให้น้อยลง จะลดคาร์บอนไดออกไซด์์ได้ 159 กิโลกรัมต่อปี หรือการซักผ้าในน้ำเย็นจะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้ปีละ 227 กิโลกรัม


ลดการใช้ถุงพลาสติก ช่วยลดภาวะโลกร้อน
หันมาใช้ถุงผ้า ลดการใช้ถุงพลาสติก เพราะการเผากำจัดถุงพลาสติกในเตาเผาขยะอย่างถูกวิธี ต้องใช้พลังงานจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีก๊าซเรือนกระจกเพิ่มในบรรยากาศ


แยกขยะอินทรีย์
การแยกขยะอินทรีย์ ออกจากขยะอื่นๆ เช่น เศษผัก เศษอาหาร เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซมีเทนสู่บรรยากาศ

10 ปรากฎการณ์ประหลาด ผลกระทบวิกฤต "โลกร้อน!"

ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากภัย "โลกร้อน" ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดเจน อาทิ อากาศร้อนขึ้น น้ำแข็งขั้วโลกละลาย หรือระดับน้ำทะเลโลกสูงขึ้นเท่านั้น แต่ปัจจุบันยังเป็นต้นเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ มากมาย ซึ่งเกี่ยวพันกับการหายสาบสูญของทะเลสาบ โรคภูมิแพ้โดยไม่ทราบสาเหตุ วิถีโคจรของดาวเทียมในอวกาศ ฯลฯ!

สารภูมิแพ้แพร่ระบาด
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ ในประเทศสหรัฐอเมริกาได้เกิดปรากฎการณ์ประหลาดขึ้นทุกๆ ช่วงฤดูใบไม้ผลิ

นั่นคือ ประชาชนไอ จาม ป็นภูมิแพ้ และหอบหืดกันง่ายขึ้นและบ่อยขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ

จากการศึกษาที่ผ่านมา พบว่า วิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปกับสภาพมลพิษในอากาศ เป็นสาเหตุสำคัญของอาการดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม มีงานวิจัยใหม่ๆ ชี้ให้เห็นว่า วิกฤตอุณหภูมิโลกร้อนขึ้นและมีระดับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศมากขึ้น คือต้นเหตุทำให้พืชพรรณต่างๆ ผลิใบเร็วกว่าเดิม ขณะเดียวกันปริมาณละอองเกสรที่ฟุ้งกระจายไปตามอากาศก็มากขึ้นเช่นกัน

คนที่เป็นภูมิแพ้หรือหอบหืดเมื่อสูดละอองเหล่านี้เข้าไปมากๆ อาการจึงกำเริบง่าย

สัตว์อพยพไร้ที่อยู่
ผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน ทำให้สัตว์บางชนิด เช่น กระรอก ตัวชิปมังก์ หรือแม้กระทั่งหนู ต้องอพยพหนีขึ้นไปอยู่บนที่สูงขึ้น

สัตว์ที่กำลังเผชิญปัญหาใหญ่ ได้แก่ "หมีขั้วโลก" ที่ในอนาคตอาจมีชีวิตอยู่ในถิ่นฐานเดิมแถบอาร์กติก ขั้วโลกเหนือไม่ได้ เนื่องจากธารน้ำแข็งละลายอย่างรวดเร็ว

"พืช"ขั้วโลกคืนชีพ
ช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา ผลจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะโลกร้อน ส่งผลต่อการดำรงอยู่ของพืชและสัตว์จำนวนมาก ตามปกติ พืชแถบอาร์กติกจะถูกปกคลุมอยู่ในน้ำแข็งตลอดทั้งปี

แต่ปัจจุบัน เมื่อน้ำแข็งละลายมากขึ้นเรื่อย โดยเฉพาะในช่วงก่อนฤดูใบไม้ผลิต จึงทำให้พืชที่เคยถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็งกลายเป็นอิสระ สามารถเริ่มกระบวนการสังเคราะห์แสงและกลับมาเติบโตขึ้นอีกครั้ง

กลายเป็นอีก 1 ปรากฎการณ์ใหม่ของพื้นที่ขั้วโลกเหนือ

ทะเลสาบหายสาบสูญ

เรื่องประหลาดๆ ที่เกิดขึ้นในเขตอาร์กติก หรือ ขั้วโลกเหนือยังไม่หมดแค่นั้น

มีงานวิจัยชี้ให้เห็นว่า ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมา "ทะเลสาบ" ประมาณ 125 แห่งได้หายสาบสูญไปจากเขตอาร์กติก เป็นสัญญาณหนึ่งที่ช่วยให้เห็นว่า ภัยโลกร้อนส่งผลกระทบเร็วมากต่อสภาพแวดล้อมแถบขั้วโลก

สาเหตุที่ทะเลสาบหายไปก็เพราะ "เพอร์มาฟรอส" ที่เป็นน้ำแข็งแข็งตัวอยู่ใต้พื้นทะเลสาบนั้นละลายหมดสิ้นไป ดังนั้น น้ำในทะเลสาบจึงซึมเข้าสู่พื้นดินข้างใต้ได้ เหมือนกับเวลาเราดึงจุกปิดน้ำออกจากอ่างอาบน้ำแล้วน้ำจึงไหลหมดไปจากอ่างนั่นเอง

นอกจากนี้ การที่ทะเลสาบขั้วโลกหายวับไป ยังส่งผลลูกโซ่ปั่นป่วนไปถึงระบบนิเวศในพื้นที่ที่พึ่งพิงน้ำจากทะเลสาบอีกด้วย

น้ำแข็งใต้พื้นโลกละลาย

ภาวะโลกร้อนไม่ได้เพียงแค่ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกละลายอย่างต่อเนื่องเท่านั้น

แต่ยังส่งผลให้ชั้นน้ำแข็งถาวรที่มีอยู่ใต้พื้นผิวโลกค่อยๆ ละลายลดปริมาณลงไปเช่นกัน

ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นตามมาในอนาคตก็คือ จุดใต้พื้นโลก ซึ่งเคยเป็นน้ำแข็งหายไปจนเกิดเป็น "รูรั่ว" ใต้ดินขึ้นมา

เมื่อเป็นเช่นนี้สภาพทางภูมิศาสตร์ในพื้นที่ย่อมเปลี่ยนไป

สิ่งปลูกสร้าง หรือ สิ่งก่อสร้างของมนุษย์ เช่น ทางรถไฟ ถนน บ้านเรือน ฯลฯ ซึ่งตั้งอยู่เหนือจุดดังกล่าวมีโอกาสได้รับความเสียหายตามไปด้วย

ถ้าปรากฎการณ์น้ำแข็งละลายเกิดขึ้นบนที่สูง เช่น ภูเขา จะก่อให้เกิดภัยธรรมชาติตามมา อาทิ หินถล่มและโคลนถล่ม เป็นต้น

ชนวนเกิดไฟป่า
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ยืนยันตรงกันทั่วโลก ว่า ภัยโลกร้อนเป็นสาเหตุให้ธารน้ำแข็งละลายและพายุก่อตัวบ่อยและรุนแรงขึ้นกว่าในอดีต

ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะโลกร้อนยังเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิด "ไฟป่า" ได้ง่ายขึ้นในหลายประเทศทั่วโลก

และชาติเมืองหนาวในซีกโลกตะวันตก ซึ่งตามปกติไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องไฟป่า ก็เริ่มรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงนี้กันแล้ว

เหตุเพราะสภาพป่าแห้งกว่าเดิม จึงเป็นเชื้อไฟอย่างดี

ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงอยู่รอด

โลกร้อนส่งผลให้หน้าหนาวหดสั้นลง และหน้าร้อนมาถึงเร็วขึ้น

บรรดา "นกอพยพ" หลายสายพันธุ์ต่างมึนงง ปรับ "นาฬิกาชีวภาพ" ในตัวของมันให้เข้ากับสภาพความผันแปรของฤดูกาลที่บิดเบี้ยวไปไม่ทัน

สัตว์ที่จะเอาชีวิตรอดจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวนในทุกวันนี้ได้ต้องเป็นสายพันธุ์ที่แข็งแรงที่สุดเท่านั้น

ในที่สุดสัตว์ที่อยู่รอดจะต้อง "กลายพันธุ์" หรือปรับพันธุกรรมในตัวมันเสียใหม่ เพื่อรับมือภัยโลกร้อนให้ได้ และมีสัตว์หลายชนิดกำลังวิวัฒนาการตัวเองเช่นนั้นอยู่


ดาวเทียมโคจรเร็วกว่าเดิม
การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรม โรงไฟฟ้าถ่านหิน ยวดยานพาหนะ ฯลฯ คือ ตัวการสำคัญของวิกฤตโลกร้อน
ล่าสุดพบว่า เจ้าก๊าซตัวเดียวกันนี้เองที่ขึ้นไปสะสมมากขึ้นในชั้นบรรยากาศโลก ได้กลายเป็นต้นเหตุทำให้ "ดาวเทียม" ที่อยู่ในวงโคจรโลกเคลื่อนที่เร็วกว่าเดิม
ตามปกติ อากาศในบรรยากาศชั้นนอกสุดของโลกจะเบาบาง แต่โมเลกุลของอากาศจะยังคงมีแรงดึงดูดมากพอในการทำให้ดาวเทียมโคจรช้าๆ ดังนั้น เราอาจเคยได้ยินข่าวกันมาบ้างว่า ผู้ควบคุมต้องจึดระเบิดดาวเทียมเป็นระยะๆ เพื่อให้ดาวเทียมโคจรต่อไปอย่างถูกต้อง

อย่างไรก็ตาม เมื่อคาร์บอนไดออกไซด์ลอยไปสะสมในบรรยากาศชั้นล่างมากไป จะทำแรงดึงดูดของบรรยากาศชั้นนอกสุดลดกำลังลง ดาวเทียมจึงโคจรเร็วกว่าปกติ

ภูเขากระเด้งตัวเหนือพื้นโลก
ภูเขาและเทือกเขาสูงหลายแห่งทั่วโลกกำลังขยายตัว "สูง" ขึ้น เพราะผลจากโลกร้อน!

นั่นเป็นเพราะ ตามธรรมชาติที่ผ่านๆ มานับพันปี ยอดภูเขาในเขตหนาวเย็นโดยทั่วไปจะมี "น้ำแข็ง" ปกคลุมอยู่ ทำหน้าที่เป็นเหมือนกับตุ้มน้ำหนักที่คอยกดทับให้ฐานล่างของภูเขาทรุดต่ำลงไปใต้พื้นผิว

เมื่อน้ำแข็งบนยอดเขามลายสูญสิ้นไป ส่วนฐานล่างที่เคยถูกกดจมดินลงไปจะค่อยๆ กระเด้งคืนตัวกลับมาเหนือผิวโลกอีกครั้ง

โบราณสถานเสียหาย
โบราณสถาน เมืองเก่าแก่ ซากปรักหักพังทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ อันเป็นสิ่งแสดงถึงวัฒนธรรมอันรุ่งเรื่องของมนุษย์ในอดีตได้รับผลกระทบจากโลกร้อน

เหตุเพราะโลกร้อนทำให้อากาศทั่วโลกแปรปรวน ทั้งเกิดพายุ น้ำท่วม ภัยแล้ง ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง และล้วนแต่ยิ่งสร้างความเสียหายให้กับมรดกตกทอดทางประวัติศาสตร์ดังกล่าว ซึ่งมีสภาพทรุดโทรมอยู่แล้ว

โบราณสถานอายุ 600 ปีในจังหวัดสุโขทัยของประเทศไทยเรา ก็เคยเสียหายอย่างหนักเพราะภัยน้ำท่วมใหญ่ ซึ่งเป็นผลจากภัยโลกร้อน มาแล้วเช่นกัน

การแก้ปัญหาโลกร้อน ไม่ใช่แค่คิดจะทำ แต่ต้องลงมือทำจริง



1. เปลี่ยนหลอดไฟ
การเปลี่ยนหลอดไปจากหลอดไส้เป็นฟลูออเรสเซนต์หนึ่งดวง จะช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 150 ปอนด์ต่อปี

2. ขับรถให้น้อยลง
หากเป็นระยะทางใกล้ๆ สามารถเดินหรือขี่จักรยานแทนได้ การขับรถยนตร์เป็นระยะทาง 1 ไมล์จะปล่อย คาร์บอนไดออกไซด์ 1 ปอนด์

3. รีไซเคิลให้มากขึ้น
ลดขยะของบ้านคุณให้ได้ครึ่งนึงจะช่วยลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ถึง 2400 ปอนด์ต่อปี

4. เช็คลมยาง
การขับรถโดยที่ยางมีลมน้อย อาจทำให้เปลืองน้ำมันขึ้นได้ถึง 3% จากปกติ
น้ำมันๆทุกๆแกลลอนที่ประหยัดได้ จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 20 ปอนด์

5. ใช้น้ำร้อนให้น้อยลง
ในการทำน้ำร้อน ใช้พลังงานในการต้มสูงมาก การปรับเครื่องทำน้ำอุ่น ให้มีอุณหภูมิและแรงน้ำให้น้อยลง จะลด คาร์บอนไดออกไซด ์ได้ 350 ปอนด์ต่อปี หรือการซักผ้าในน้ำเย็น จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ปีละ 500 ปอนด์

6. หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เยอะ
เพียงแค่ลดขยะของคุณเอง 10 % จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 1200 ปอนด์ต่อปี

7. ปรับอุณหภูมิห้องของคุณ(สำหรับเมืองนอก)
ในฤดูหนาว ปรับอุณหภูมิของ heater ให้ต่ำลง 2 องศา และในฤดูร้อน ปรับให้สูงขึ้น 2 องศา จะลด คาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 2000 ปอนด์ต่อปี

8. ปลูกต้นไม้
การ ปลูกต้นไม้ หนึ่งต้น จะดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 1 ตัน ตลอดอายุของมัน

9. ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช่
ปิดทีวี คอมพิวเตอร์ เครื่องเสียง และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อไม่ใช้ จะลดคาร์บอนไดออกไซด์ได้นับพันปอนด์ต่อปี

และอย่างสุดท้าย

10. บอกเพื่อนๆของคุณเกี่ยวกับวิธีเหล่านี้ครับ

สาเหตุหลักของปัญหาโลกร้อน

ภาวะโลกร้อน (Global Warming) หรือ ภาวะ ภูมิอากาศเปลี่ยนแปลง (Climate Change) เป็นปัญหาใหญ่ของโลกเราในปัจจุบัน สังเกตได้จากอุณหภูมิของโลกที่สูงขึ้นเรื่อยๆ สาเหตุหลักของปัญหานี้ มาจาก ก๊าซเรือนกระจก ครับ (Greenhouse gases) ปรากฏการณ์เรือนกระจก มีความสำคัญกับโลก เพราะก๊าซจำพวก คาร์บอนไดออกไซด์ หรือ มีเทน จะกักเก็บความร้อนบางส่วนไว้ในในโลก ไม่ให้สะท้อนกลับสู่บรรยากาศทั้งหมด มิฉะนั้น โลกจะกลายเป็นแบบดวงจันทร์ ที่ตอนกลางคืนหนาวจัด (และตอนกลางวันร้อนจัด เพราะไม่มีบรรยากาศกรองพลังงานจากดวงอาทิตย์) ซึ่งการทำให้โลกอุ่นขึ้นเช่นนี้ คล้ายกับหลักการของเรือนกระจก (ที่ใช้ปลูกพืช) จึงเรียกว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก (Greenhouse Effect) ครับ


ภาพจาก Global Warming Exhibition of National Academy of Science (US)


แต่การเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของ CO2 ที่ออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรม รถยนตร์ หรือการกระทำใดๆที่เผาเชื้อเพลิงฟอสซิล (เช่นถ่านหิน น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ หรือสารประกอบไฮโดรคาร์บอน ) ส่งผลให้ระดับปริมาณ CO2 ในปัจจุบันสูงเกิน 300 ppm (300 ส่วน ใน ล้านส่วน) เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 6 แสนปี

ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์ที่มากขึ้นนี้ ได้เพิ่มการกักเก็บความร้อนไว้ในโลกของเรามากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดเป็น ภาวะโลกร้อน ดังเช่นปัจจุบัน

ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซเรือนกระจกอื่นๆ เป็นตัวการกักเก็บความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้ไม่ให้คายออกไปสู่บรรยากาศ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี เพราะทำให้โลกของเรามีอุนหภูมิอบอุ่น สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้แต่ปัจจุบัน การเผาผลาญเชื้อเพลงฟอสซิลต่างๆ เช่น ถ่านหิน น้ำมันเชื้อเพลิง และการตัดไม้ทำลายป่า
ซึ่งการกระทำเหล่านี้ส่งผลให้ปริมาณ คาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศ เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล อันส่งผลกระทบต่างๆมากมายไม่ว่าจะเป็นอุณหภูมิของโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภัยธรรมชาติต่างๆเกิดบ่อยขึ้น และนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นครับ



- จำนวนพายุ Hurricane Category 4 และ 5 เพิ่มขึ้นสองเท่า ในสามสิบปีที่ผ่านมา
- เชื้อมาลาเรียได้แพร่กระจายไปในที่สูงขึ้น แม้แต่ใน Columbian, Andes ที่สูง 7000 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล
- น้ำแข็ง ใน ธารน้ำแข็ง เขตกรีนแลนด์ ละลายเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา
- สัตว์ต่างๆ อย่างน้อย 279 สปีชี่ส์กำลังตอบสนองต่อ ภาวะโลกร้อน โดยพยายามย้ายถิ่นที่อยู่



หากเรายังเพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้น รับรองได้เลยว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้แน่

- อัตรา ผู้เสียชีวิต จาก โลกร้อน จะพุ่งไปอยู่ที่ 300000 คนต่อปี ใน 25 ปีต่อจากนี้
- ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น 20 ฟุต
- คลื่นความร้อน จะมาบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้น
- ภาวะฝนแล้ง และไฟป่าจะเกิดบ่อยขึ้น
- มหาสมุทรอาร์กติกจะไม่เหลือน้ำแข็ง ภายในฤดูร้อน 2050
- สิ่งมีชีวิตกว่าล้านสปีชี่ส์เสี่ยงที่จะสูญพันธุ์

โลกร้อน คืออะไร ?

ภาวะโลกร้อน

ภาวะโลกร้อนคืออะไร อะไรคือสาเหตุของการภาวะโลกร้อน
ภาวะโลกร้อน หมายถึง การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ ที่ทำให้อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงขึ้น เราจึงเรียกว่า ภาวะโลกร้อน (Global Warming) กิจกรรมของมนุษย์ที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน คือ กิจกรรมที่ทำให้ปริมาณก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศเพิ่มมากขึ้น ได้แก่ การเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยตรง เช่น การเผาไหม้เชื้อเพลิง และ การเพิ่มปริมาณก๊าซเรือนกระจกโดยทางอ้อม คือ การตัดไม้ทำลายป่า
ปรากฏการณ์เรือนกระจก หมายถึง การที่ชั้นบรรยากาศของโลกกระทำตัวเสมือนกระจกที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุลงมายังผิวพื้นโลกได้ แต่จะดูดกลืนรังสีคลื่นยาวที่โลกคายออกไปไม่ให้หลุดออกนอกบรรยากาศ ทำให้โลกไม่เย็นจัดในเวลากลางคืน บรรยากาศเปรียบเสมือนผ้าห่มผืนใหญ่ที่คลุมโลกไว้ ก๊าซที่ยอมให้รังสีคลื่นสั้นจากดวงอาทิตย์ผ่านทะลุลงมาได้แต่ไม่ยอมให้รังสีคลื่นยาวที่โลกคายออกไปหลุดออกนอกบรรยากาศ เรียกว่า ก๊าซเรือนกระจก

ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญๆ มีอะไรบ้าง แต่ละชนิดมีที่มาอย่างไร
ก๊าซเรือนกระจกที่สำคัญ ได้แก่ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก๊าซมีเทนและก๊าซไนตรัสออกไซด์
1. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เกิดจาก การเผาไหม้เชื้อเพลิง โรงงานอุตสาหกรรม และการตัดไม้ทำลายป่า
2. ก๊าซมีเทน เกิดจาก การย่อยสลายซากสิ่งมีชีวิตในพื้นที่ที่มีน้ำขัง เช่น นาข้าว
3. ก๊าซไนตรัสออกไซด์ เกิดจาก อุตสาหกรรมที่ใช้กรดไนตริกในกระบวนการผลิต และการใช้ปุ๋ยไนโตรเจนในการเกษตรกรรม

รู้ได้อย่างไรว่าโลกร้อนขึ้น และในอนาคตอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะสูงขึ้นกี่องศาเซลเซียส
จากการเฝ้าติดตามความผันแปรของอุณหภูมิโลก พบว่า ในระยะ 10 ปี สุดท้าย พ.ศ. 2539 – 2548 เป็นช่วงที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกร้อนที่สุด
หากไม่มีมาตรการใดๆ ที่จะยับยั้งการปล่อยออกก๊าซเรือนกระจกแล้ว คาดว่า อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 1.5-4.5 องศาเซลเซียส ภายในปี ค.ศ. 2100

ภาวะโลกร้อนส่งผลต่อประเทศไทยอย่างไร
จากความผันแปรของภูมิอากาศมีผลต่อลักษณะอากาศทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยก็มีสัญญาณที่บ่งบอกถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น นั่นคือ ความรุนแรงของภัยธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้พบว่า อุณหภูมิเฉลี่ยทั่วประเทศในเดือนพฤศจิกายน 2549 ซึ่งอยู่ในช่วงต้นฤดูหนาวสูงกว่าปกติ 1.7 องศาเซลเซียส สูงสุดเป็นอันดับ 1 ในรอบ 56 ปี ของประเทศ และในเดือนธันวาคม 2549 อุณหภูมิเฉลี่ยสูงกว่าค่าปกติประมาณ 1 องศาเซลเซียส (อุณหภูมิเฉลี่ย 24 องศาเซลเซียส)


ในช่วง 10 ปี ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีสภาพอากาศเป็นอย่างไร
จากการศึกษาข้อมูล 54 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2494 ซึ่งเป็นปีแรกที่เริ่มมีการตรวจวัดข้อมูล พบว่า อุณหภูมิของประเทศไทยมีแนวโน้มสูงขึ้น ทั้งอุณหภูมิเฉลี่ย (รูปที่ 1) อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย(รูปที่ 2) และอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ย(รูปที่ 3) ส่วนปริมาณฝนและวันที่ฝนตกมีแนวโน้มลดลง (รูปที่ 4 และ5) ถึงแม้ว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาทั้งปริมาณฝนและจำนวนวันฝนตกอยู่ในเกณฑ์สูงกว่าค่าปกติ มากกว่าที่จะต่ำกว่าปกติก็ตาม

ในปี 2550 นี้ โลกและประเทศไทย มีสภาพอากาศเป็นอย่างไร
การเพิ่มขึ้นของก๊าชเรือนกระจกทำให้บรรยากาศโลกกักเก็บพลังงานความร้อนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความสมดุลของพลังงานโลกเปลี่ยนแปลงไป อุณหภูมิเฉลี่ยของบรรยากาศบริเวณผิวโลกสูงขึ้น คลื่นความร้อนเกิดบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อเนื่องนานัปการ เช่น ฤดูกาล ปริมาณและการกระจายของน้ำฝนเปลี่ยนแปลงไป ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เนื่องจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย น้ำทะเลขยายตัว เนื่องจากอุณหภูมิสูงขึ้น เกิดพายุและภัยพิบัติรุนแรงและถี่ขึ้น ในปี 2550 สภาพอากาศทั่วไปของโลก มีการคาดการณ์ไว้ว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นทำให้มีอากาศร้อนจัดอีกปีหนึ่ง
สำหรับประเทศไทยในปี 2550 คาดว่า พื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศไทยจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อนและต้นฤดูฝน และฤดูฝนจะมาเร็วกว่าปกติ และในช่วงฤดูร้อนจะมีอากาศร้อนจัดในหลายพื้นที่ ส่วนอุณหภูมิเฉลี่ยของประเทศจะสูงกว่าค่าปกติโดยเฉพาะในช่วงครึ่งแรกของปี

MV โครงการ7สี ปันรักให้โลก ปี3 เพลงโลกให้ชีวิต

วันจันทร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2553

เคล็ดลับการแกะเพลง ซึ่งต้องอาศัยหลายๆประกอบกัน



1.ให้ฟังทีละเสียงเป็นตัวๆไปเลย
วิธีนี้มักใช้กับการแกะเครื่องดนตรีที่เล่นทีละเสียงเช่นการโซโลหรือคอร์ดที่เล่นกระจายเสียง ( Arpeggio หรือเกา )
ไม่เหมาะกับการร้องโน้ตหลายๆตัวต่อกันไปเพราะเครื่องดนตรีไม่ว่าจะ Arpeggio
หรือ Solo เสียงมักโดดข้ามชั้นหรือห่างกันมากถ้าเป็น
Soloที่เร็วๆโดยเฉพาะแนวร็อค สัดส่วนจะมากจนร้องไม่ทัน
ทำให้ขัดธรรมชาติในการร้อง


2.ร้องโน้ต จะใช้กับท่อน Solo
ง่ายๆที่ไม่ซับซ้อนหรือเร็วมากแต่จะเหมาะกับทำนองที่เป็นท่อนเนื้อร้องมากกว่าเพราะคนแต่ง
แต่งมาให้ร้องได้ม่ลำบากเกินไป นอกจาอ Jazz ที่ใช้ขั้นคู่กระด้างเยอะ

3.ให้ฟังเสียงโดยรวม วิธีนี้จะนำมาใช้กับคอร์ดที่เล่นได้หลายรูปแบบ
ในการฟังเสียงเบสอย่างเดียวจะช่วยได้บางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด
เพราะเบสอาจจะไม่ได้เดิน Root
ซึ่งวิธีนี้ก็ต้องมีประสบการณ์ในการเล่นคอร์ดประเภทนั้นๆจนคุ้นมาบ้างแล้ว


4.ใช้ทฤษฎีจับ ในกรณีที่สองสามวิธีแรกที่ฟังแล้วยังไม่ค่อยแน่ใจ
หรือว่าเกือบใช่ อ
หรือต้องการเช็คให้ใกล้เคียงที่หรือตรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ซึ่งวิธีนี้ ถ้าเขียนโน้ตได้ จะเป็นประโยชน์
เพราะสามารถพิจารณาเปรียบเทียบได้ทำให้พบจุดที่คล้ายคลึงหรือแตกต่าง
แล้วเลือกใช้

5.ใช้ความรู้สึกประสบการณ์ ถ้าฟังไม่ออกเลย คือเสียงค่อยมาก
หรือเสียงอื่นกลบหมด อันนี้ต้องเป็นคนที่เล่นเครื่องดนตรีชิ้นนั้นมามากๆ
และเข้าใจธรรมชาติของเครื่องดนตรีประเภทนั้น
เช่นคนที่แกะกีต้าร์ก็จะเล่นกีต้าร์มามาก
ต้องเล่นเพลงที่แกะนั้นได้เหมือนกับนักดนตรีทั่วไป เล่นจนจบเพลงหลายๆเที่ยว
จนกว่าจะจับความรู้สึกของวิธีการเล่นเพลงนั้นได้
ไม่อย่างนั้นเวลาเขียนให้คนอื่นเอาไปเล่นแล้วจะรู้สึกขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ
หรือเล่นอะไรที่น้อยไปหรือมากไปกว่าเพลงจริง จนฟังแล้วดูขาดหรือเกินไป
และไกลจากต้นฉับบมากไป ( ยกเว้นเล่นสด )

6.ในการแกะเพลงที่ดีนั้น เราควรรู้คีย์เพลงเสียงก่อน เพื่อเป็น Guide Line
ให้เราเลือกใช้ คอร์ด และสเกลที่ใช้แกะได้อย่างลงตัว
แล้วควรจะแกะทั้งคอรด์ก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการ โซโล่ เพราะ เพราะหากเราแกะ
ทางเดินคอร์ดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแล้ว
และจะแกะช่วงโซโล่ของเพลงได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะว่า
จะอยู่ในโน้ตที่อยู่ในคอร์ดซะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับมือใหม่
ยังไม่ต้องเน้นเรื่องสัดส่วนมากเท่าไหร่ คุณแกะเสียงให้ใกล้เคียงมากที่สุด
แล้วลองเปิดเทปเล่นตามเทปให้ใกล้เคียงมากที่สุด เป็นอันว่าพอใช้ได้แล้ว
เพราะการเล่นถูกสัดส่วน ถูกจังหวะนี้ ต้องใช้
ประสบการณ์แล้วก็ต้องผ่านการเล่นมาอย่างโชกโชน ถึงจะเล่นได้ถูกส่วน ถูกจังหวะ

7.ในปัจจุบัน มีการตั้งเสียงที่ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่ครึ่งเสียง ในเพลงทั่วไปๆ
เพื่อให้ นักร้องใช้พลังเสียงที่ไม่สูงจนเกินไปนัก
แล้วก็ทำให้เล่นกีต้าร์ได้หลากหลายมากขึ้น แล้วเราจะรู้ได้ไง ฟังครับ
แล้วลองเล่นดู หากแกะเท่าไหร่ก็ยังไม่เหมือน เสียงยังไม่กลมกลืน
ให้ลองหย่อนเสียงครึ่งเสียงดูนะครับ จะช่วยได้เยอะครับ

เคล็ดลับการแกะเพลง ซึ่งต้องอาศัยหลายๆประกอบกัน

เคล็ดลับการแกะเพลง ซึ่งต้องอาศัยหลายๆประกอบกัน

1.ให้ฟังทีละเสียงเป็นตัวๆไปเลย
>วิธีนี้มักใช้กับการแกะเครื่องดนตรีที่เล่นทีละเสียงเช่นการโซโลหรือคอร์ดที่เล่นกระจายเสียง
>( Arpeggio หรือเกา )
>ไม่เหมาะกับการร้องโน้ตหลายๆตัวต่อกันไปเพราะเครื่องดนตรีไม่ว่าจะ Arpeggio
>หรือ Solo เสียงมักโดดข้ามชั้นหรือห่างกันมากถ้าเป็น
>Soloที่เร็วๆโดยเฉพาะแนวร็อค สัดส่วนจะมากจนร้องไม่ทัน
>ทำให้ขัดธรรมชาติในการร้อง

>2.ร้องโน้ต จะใช้กับท่อน Solo
>ง่ายๆที่ไม่ซับซ้อนหรือเร็วมากแต่จะเหมาะกับทำนองที่เป็นท่อนเนื้อร้องมากกว่าเพราะคนแต่ง
>แต่งมาให้ร้องได้ม่ลำบากเกินไป นอกจาอ Jazz ที่ใช้ขั้นคู่กระด้างเยอะ

>3.ให้ฟังเสียงโดยรวม วิธีนี้จะนำมาใช้กับคอร์ดที่เล่นได้หลายรูปแบบ
>ในการฟังเสียงเบสอย่างเดียวจะช่วยได้บางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด
>เพราะเบสอาจจะไม่ได้เดิน Root
>ซึ่งวิธีนี้ก็ต้องมีประสบการณ์ในการเล่นคอร์ดประเภทนั้นๆจนคุ้นมาบ้างแล้ว

>4.ใช้ทฤษฎีจับ ในกรณีที่สองสามวิธีแรกที่ฟังแล้วยังไม่ค่อยแน่ใจ
>หรือว่าเกือบใช่ อ
>หรือต้องการเช็คให้ใกล้เคียงที่หรือตรงมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
>ซึ่งวิธีนี้ ถ้าเขียนโน้ตได้ จะเป็นประโยชน์
>เพราะสามารถพิจารณาเปรียบเทียบได้ทำให้พบจุดที่คล้ายคลึงหรือแตกต่าง
>แล้วเลือกใช้

>5.ใช้ความรู้สึกประสบการณ์ ถ้าฟังไม่ออกเลย คือเสียงค่อยมาก
>หรือเสียงอื่นกลบหมด อันนี้ต้องเป็นคนที่เล่นเครื่องดนตรีชิ้นนั้นมามากๆ
>และเข้าใจธรรมชาติของเครื่องดนตรีประเภทนั้น
>เช่นคนที่แกะกีต้าร์ก็จะเล่นกีต้าร์มามาก
>ต้องเล่นเพลงที่แกะนั้นได้เหมือนกับนักดนตรีทั่วไป เล่นจนจบเพลงหลายๆเที่ยว
>จนกว่าจะจับความรู้สึกของวิธีการเล่นเพลงนั้นได้
>ไม่อย่างนั้นเวลาเขียนให้คนอื่นเอาไปเล่นแล้วจะรู้สึกขัดๆ ไม่เป็นธรรมชาติ
>หรือเล่นอะไรที่น้อยไปหรือมากไปกว่าเพลงจริง จนฟังแล้วดูขาดหรือเกินไป
>และไกลจากต้นฉับบมากไป ( ยกเว้นเล่นสด )

>6.ในการแกะเพลงที่ดีนั้น เราควรรู้คีย์เพลงเสียงก่อน เพื่อเป็น Guide Line
>ให้เราเลือกใช้ คอร์ด และสเกลที่ใช้แกะได้อย่างลงตัว
>แล้วควรจะแกะทั้งคอรด์ก่อน เพื่อเป็นแนวทางในการ โซโล่ เพราะ เพราะหากเราแกะ
>ทางเดินคอร์ดต่างๆ ได้อย่างถูกต้องแล้ว
>และจะแกะช่วงโซโล่ของเพลงได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะว่า
>จะอยู่ในโน้ตที่อยู่ในคอร์ดซะเป็นส่วนใหญ่ สำหรับมือใหม่
>ยังไม่ต้องเน้นเรื่องสัดส่วนมากเท่าไหร่ คุณแกะเสียงให้ใกล้เคียงมากที่สุด
>แล้วลองเปิดเทปเล่นตามเทปให้ใกล้เคียงมากที่สุด เป็นอันว่าพอใช้ได้แล้ว
>เพราะการเล่นถูกสัดส่วน ถูกจังหวะนี้ ต้องใช้
>ประสบการณ์แล้วก็ต้องผ่านการเล่นมาอย่างโชกโชน ถึงจะเล่นได้ถูกส่วน ถูกจังหวะ

>7.ในปัจจุบัน มีการตั้งเสียงที่ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่ครึ่งเสียง ในเพลงทั่วไปๆ
>เพื่อให้ นักร้องใช้พลังเสียงที่ไม่สูงจนเกินไปนัก
>แล้วก็ทำให้เล่นกีต้าร์ได้หลากหลายมากขึ้น แล้วเราจะรู้ได้ไง ฟังครับ
>แล้วลองเล่นดู หากแกะเท่าไหร่ก็ยังไม่เหมือน เสียงยังไม่กลมกลืน
>ให้ลองหย่อนเสียงครึ่งเสียงดูนะครับ จะช่วยได้เยอะครับ



5 เคล็ดลับสำหรับการตลาดในการฟังเพลง

5 เคล็ดลับสำหรับการตลาดในการฟังเพลง
ไม่ว่าคุณจะใหม่กับอินเทอร์เน็ตการตลาดหรือไม่ฟังเพลงจริงๆเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดในตลาดธุรกิจออนไลน์ของคุณสร้างการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณและคุณยังสามารถสร้างรายได้

สำหรับผู้ที่ไม่ทราบว่าจะฟังเพลงก็เด็กสมองของ Seth Godin หนึ่งของการตลาดบนออนไลน์ เลนส์ฟังเพลงเป็นหน้าในเว็บไซต์ฟังเพลงที่อยู่ในหัวข้อเฉพาะ

เลนส์สามารถมีบทความแสดงความคิดเห็นต่อ, RSS feeds, links, และทุกประเภทของทรัพยากรอื่น ๆ ในหัวข้อที่กำหนด เลนส์มีแนวโน้มที่อันดับสูงมากในเครื่องมือค้นหาทำให้วิธีง่ายๆในเว็บไซต์ของคุณไม่เห็นเว็บไซต์ของคุณมีการจัดอันดับสูงเครื่องมือค้นหา ที่ดีที่สุดคือว่าเว็บไซต์นี้เป็นมิตรกับโปรแกรมพันธมิตรดังนั้นหากคุณตลาด bum หรือคุณไม่ได้เว็บไซต์ของคุณเองนี้เป็นวิธีที่ง่ายในการสร้างหนึ่ง มีในความเป็นจริงค่อนข้างน้อย lensmasters ที่ทำให้ชีวิต Fulltime กับคอนแทคเลนส์ฟังเพลงของพวกเขาและหากคุณเลือกคุณสามารถเกินไป แม้ว่าจะมีหลายวิธีที่จะฟังเพลงตลาดเลนส์ของคุณที่นี่ห้าเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณได้อย่างรวดเร็วส่งเสริมเลนส์ของคุณและได้รับการจัดอันดับสูงคือ


1 อย่างเลือกคำหลักของคุณ
คุณต้องการให้แน่ใจว่าคำหลักที่คุณใช้คำหลักที่คนจริงค้นหา คุณยังต้องการเพื่อให้แน่ใจว่าคำหลักที่ไม่กว้างเกินไป ยาวหางคำหลักวลีคำหลักอย่างน้อย 3-4 คำยาวจะช่วยให้อัตราการเข้าชมที่ตรงเป้าหมายมากขึ้นเลนส์ของคุณ
ทดสอบคำหลักของคุณเพื่อดูว่าคนที่รับคุณเข้าชม มองหาคำหลักเพิ่มเติมที่อาจเกี่ยวข้องกับเลนส์ของคุณและเพิ่มที่

2 Bookmark เลนส์ของคุณ
นี้เป็นวิธีที่ง่ายที่สุดเพื่อการเข้าชมใหม่ที่เลนส์ของคุณและประกาศให้ คุณสามารถใช้บริการเช่น Digg เป็นเพียงสาย
ไม่เพียง แต่จะให้เลนส์ของคุณบางดีลิงก์ย้อนกลับระดับสูง แต่ยังจะช่วยให้คอนแทคเลนส์ของคุณได้รับการจัดทำดัชนีเร็ว

3 เลนส์ของคุณเชื่อมโยงไปยังเลนส์อื่นๆ
คุณต้องการให้แน่ใจว่าเลนส์ที่คุณสร้างขึ้นในบัญชีของคุณถูก simliar ในหัวข้อ คุณสามารถเชื่อมโยงเลนส์เหล่านี้ร่วมกัน นี้เป็นรูปแบบการเชื่อมโยงสำหรับเลนส์ของคุณอีก แต่เรียกว่าการเชื่อมโยงภายใน นี้จะช่วยให้คุณเพิ่มการจัดอันดับในการค้นหาเครื่องมือ

4 Visit เลนส์อื่นๆ
คุณสามารถใช้เลนส์ของคุณฟังเพลงโดยไปที่เลนส์อื่นๆ คุณต้องการมองหาเลนส์ที่เกี่ยวข้องกับคุณและมีสมุดเยี่ยม คุณสามารถแสดงความคิดเห็นในสมุดเยี่ยมเหล่านี้และปล่อยให้เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของคุณ คุณยังต้องการลงคะแนนในเลนส์อื่นๆ นี้จะช่วยโทเลนส์อื่น ๆ เลนส์ของคุณ

5 เข้าร่วมกลุ่ม
มีมากมายกลุ่มที่ฟังเพลงคุณสามารถเข้าร่วมแสดงและเลนส์ของคุณ คุณสามารถค้นหาผ่านกลุ่มเพื่อค้นหากลุ่มที่เกี่ยวข้องกับเลนส์ของคุณและเพิ่มเลนส์ของคุณในกลุ่มนี้ นี้ยังเป็นโอกาสสำหรับคุณเพื่อดูว่าคนอื่น ๆ ที่ทำด้วยเลนส์ได้เพื่อให้คุณสามารถปรับปรุงของคุณรับอัตราการเข้าชมและสร้างยอดขายเพิ่มขึ้น

ฟังเพลงยังมีความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรที่จะช่วยให้คุณได้รับอัตราการเข้าชมไปยังเลนส์รวมทั้งฟังเพลง U, forum และเคล็ดลับในการแสดงปิดเลนส์ขอ